วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

(รู้จักกับวัสดุ) รู้จักกับเหล็กเส้น





หลายๆท่านคงรู้จักกับเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างบ้าน อาคาร ที่พัก ทีอยู่อาศัย กันอยู่บ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยนะครับ
 ซึ่งเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้างนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นหนึ่งในโครงสร้างหลักๆเลยก็ว่าได้ การรับน้ำหนักของ เสา คาน ฟุตติ้ง ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้เหล็กเส้น ปัจจุบันในท้องตลาดมีการจำหน่ายเหล็กเส้น    ทั้งแบบมีมอก. (มาตราฐานอุตสาหกรรมรับรอง)    และไม่มีมอก.ซึ่งการจำหน่ายเหล็กไม่มีมอก.ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หลายๆท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า "เหล็กเต็ม"กับ"เหล็กไม่เต็ม"มาบ้าง เหล็กเต็มก็คือเหล็กมีมอก.ซึ่งได้ขนาดและน้ำหนักตามมาตราฐาน ส่วนเหล็กไม่เต็มก็คือเหล็กไม่มีมอก. นั้นเอง หลายท่านที่สร้างบ้าน หรือต่อเติมที่พักอาศัย อาจจะเคยปวดหัวกับช่างผู้รับเหมาบางรายที่ชอบตุกติก เนื่องจากเหล็กไม่เต็มนั้นราคาจะถูกกว่าเหล็กเต็มทำให้ผู้รับเหมามักง่ายบางรายมักเลือกใช้โดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้ ทั้งที่ในแบบและรายการประมาณการวัสดุ(BOQ)
ที่ทางสถาปนิกผู้ออกแบบได้ระบุไว้นั้น ได้กำกับไว้ว่าให้ใช้เป็นเหล็กเส้นเต็ม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เนื่องจากทางสถาปนิกผู้ออกแบบนั้นต้องคำนวณเหล็กให้สัมพันธ์กับการรับน้ำหนักโครงสร้างของอาคารนั้นเอง ดังนั้นก่อนที่ท่านจะเสียรู้ ก็ต้องรู้เสียก่อนว่าช่าง ผู้รับเหมาที่ท่านได้จ่ายเงินว่าจ้างไปนั้นจะวางยาท่านหรือเปล่า โดยปกติแล้วการดูเหล็กเส้นทั่วไปแบบคราวๆ นั้นมี2วิธี คือ


วิธีที่1 การดูด้วยตาเปล่า
    โดยปกติแล้วเหล็กเส้นที่มาจากโรงงานจะมีป้ายกำกับเหล็กผูกติดมาด้วย โดยในป้ายจะระบุ ตรามอก. ชั้นคุณภาพ เหล็กเส้นกลมระบุ SR24 เหล็กข้ออ้อยระบุ SD40 SD50 เป็นต้น
(ในที่นี้หมายถึงเหล็กที่มีจำหน่ายและใช้ในงานก่อสร้างบ้านพักอาศัยทั่วไป) ชื่อขนาดของเหล็กเส้นเช่นเหล็กเส้นกลม RB6,RB9 เหล็กข้ออ้อย DB12,DB16,DB20,DB25 เป็นต้น ตามด้วยความยาวต่อเส้นโดยปกติที่มีจำหน่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปจะยาว10เมตร จำนวนเส้นต่อมัด วันที่ผลิต และตราสัญลักษณ์ ผู้ผลิต ซึ่งจะต้องตรงกันกับเอกสารมอก.






แต่ในกรณีที่เหล็กเส้นมัดนั้นได้มีการแกะมัดแล้วก็อาจจะทำให้ป้ายกำกับหลุดหายได้(นอกจากท่านจะสั่งเหล็กยกมัดเลยจากโรงงาน) เราสามารถดูได้ที่ตัวเหล็กเส้นเลย โดยที่ตัวเหล็กจะมีอักษรปั้มนูนระบุ ตราสัญลักษณ์ ชื่อขนาดของเหล็ก ชั้นคุณภาพ ซึ่งตัวปั้มเหล่านี้จะปรากฏเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเส้น หากไม่พบตามนี้ก็อาจจะสังสัยไว้ก่อนได้ทาอาจจะเป็นเหล็กที่ไม่ได้มาตราฐาน นั้นเอง

ส่วนวิธีที่2 การชั่งน้ำหนัก
สามารถทดสอบด้วยการตัดเหล็กเส้นมา1เมตร แล้วเอาไปชั่ หากชั่งน้ำหนักได้ตามที่มอก.กำหนดก็ถือว่าผ่านครับ แต่เดี๋ยวก่อนผมเคยเจอกรณีที่ทาง
นายช่างโยธาที่อบต.นึงระบุว่าเหล็กที่ผมใช้ชั่งน้ำหนักแล้วไม่ได้ตามมาตราฐานมอก.กำหนด ทั้งที่ผมตรวจสอบแล้วเป็นอย่างดีอีกทั้งมีเอกสารมอก.รับรอง แต่ก็งงว่าทำไม่น้ำหนักถึงไม่ได้ตามนั้น จึงได้สอบถามถามไปที่โรงงานผลิตเหล็ก ก็ได้คำตอบว่าโดยปกติแล้วในการทดสอบมาตราฐานมอก.นั้นจะมีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ 
ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่ก็คงไม่ผลิตไปทางบวกหรอกครับ.ส่วนใหญ่ก็ว่ากันแบบเฉียดๆเลย เพื่อที่จะประหยัดต้นทุนนั้นเอง










ในส่วนของการพิจารณาเหล็กเส้นที่ดี มีคุณภาพนั้นให้พิจารณาดังนี้
1.ผิวเหล็ก เหล็กเส้นกลม (RB) ผิวต้องเรียบ ไม่ขรุขระ เป็นคลื่นหน้าตัดกลมได้รูป ไม่บิดเบี้ยว ไม่มีรอยปริแตก เหล็กข้ออ้อย (DB) บั้งของเหล็กต้องมีระยะเท่ากันตลอดทั้งเส้น
2.เส้นผ่าศูนย์กลางและน้ำหนักต้องได้ตามมาตราฐาน มอก.
3.เวลาดัดโค้ง หรือ งอ ต้องไม่มีรอยปริแตกหรือหักง่าย โดยปกติเหล็กที่จำหน่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปจะเป็นเหล็กพับอยู่แล้วให้สังเกตรอยพับได้เลยครับ
4.เหล็กต้องไม่เป็นสนิมกินจนเข้าไปถึงเนื้อเหล็ก แต่ถ้าเป็นแค่บริเวณผิวชั้นนอกนิดหน่อยกยังถือว่าปกติครับ (แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็ดีครับใครๆก็อยากได้ของสดๆใหม่ๆเนอะ)






หวังว่าทุกท่านคงได้ความรู้เกี่ยวกับเหล็กเส้นไม่มากก็น้อยนะครับ ที่จริงแล้วยังมีรายละเอียดอีกเยอะครับแต่เราแค่พอรู้ไว้ ไม่ให้โดนโกงก็โอเคแล้วครับ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น